วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เกาหลี ใต้ (South Korea)


เกาหลีเป็นเมืองน่าเที่ยว เป็นเมืองที่ยังคงวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ก็เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ พร้อมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมมาก
แต่ที่กำลังมาแรงและ “บูม” มากที่สุด ก็คือ การท่องเที่ยวที่ผู้ชมละครซีรีส์เกาหลี ต่างได้รับอิทธิพลมาจาก “กระแสเกาหลี” ในบทภาพยนตร์และดนตรี จนทำให้มีผู้ “ถวิลหา” ที่จะเดินทางไปเยือนสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยความสวยงามของบรรยากาศและภูมิประเทศ ที่ปรากฏใน “ซีรีส์เกาหลี” นั่นเอง
ช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการเที่ยวเกาหลีจะเริ่มต้น จากฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาวที่เล่นสกีได้ เริ่มขึ้นจากตอนปลายเดือนกันยายน ลมที่พัดมาจากแผ่นดินใหญ่นั้นทำให้อากาศแห้งและท้องฟ้าโปร่ง จึงเป็นช่วงที่อากาศเหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุด ในเดือนตุลาคม ทิวทัศน์ทั่วทั้งประเทศจะมีสีสันสดใสด้วยใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีทองและสีแดง เต็มต้น
จากภูมิประเทศที่แตกต่างทำให้สภาพอากาศแตกต่างและ เปลี่ยนแปลงไป การไปเที่ยวเกาหลีจะต้องระมัดระวังอย่างมากในเรื่องการแต่งกาย ต้องเตรียมพร้อมรับทุกสภาพอากาศตั้งแต่ร้อนไปจนถึงหิมะ จึงต้องสำรวจระยะเวลาในการเดินทางให้ดี เพื่อจัดเครื่องแต่งกายได้เหมาะสม
หากเดินทางไปเที่ยวในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงปลาย เดือนพฤษภาคมและเดือนกันยายน-พฤศจิกายน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงและอาจสวมเสื้อหนาวทับ ระหว่างฤดูร้อน เดือนมิถุนายน-สิงหาคม สามารถสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงระดับเข่า แต่ในโอกาสสำคัญควรสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกางเกงขายาว




ยามฤดูหนาวหิมะตก



ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนมีนาคม ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับฤดูหนาวผ้าพันคอและถุงมือจำเป็นสำหรับในเดือน ธันวาคม-กุมภาพันธ์อากาศจะหนาวเย็นและแห้ง บางครั้งมีฝนหรือหิมะ ในช่วงนี้มักจะมีวันที่อากาศหนาวจัดสลับกับวันที่อากาศอุ่นสบาย
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อุทยานแห่งชาติโซรัค ซาน หรือสวิตเซอร์แลนด์ของเกาหล อุทยานที่มีหน้าผา หุบเขาและลำธาร ความงามของธรรมชาติอันสวยงามของจังหวัดคังวันโดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ที่นี่มีลานสกี รีสอร์ท ให้ได้สัมผัสประสบ การณ์แปลกใหม่ด้วยการทดลองเล่นสกี นับเป็นลานสกีที่มีผู้คนนิยมเดินทางไปเล่นกันมากอีกแห่งหนึ่ง พร้อมเครื่องเล่นนานาชนิดที่เกี่ยวกับการเล่นหิมะไม่ว่าจะเป็น Snow Slade, Snow Board และอื่นๆ อีกมากมาย
การเที่ยวเมืองใหญ่ที่เกาหลี ทั้งสะดวกและสบายที่สุด โดยเฉพาะกรุงโซลที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำฮานกัง เมืองหลวงของเกาหลี เมืองที่มีทั้ง ความเก่าแก่และความใหม่ในคราวเดียวกัน ด้วยการที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานสืบต่อมาหลายพันปีจึงได้มีพระราชวังที่ ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี อนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ และสมบัติทางวัฒนธรรม แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบสาธารณูปโภคอันล้ำยุคเช่นเดียวกัน




พระราชวังอินชองเชิน














เกาหลีมีสมบัติมรกดโลกทางวัฒนธรรมของเกาหลีในบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมของโลก โดยองค์การยูเนสโก คือ หมู่พระราชวังชางด็อกกุง (Changedeokgung Palace Complex)
ชางด็อกกุง เป็นพระราชวังแห่งคุณความดีอันลือนาม (Changdeokgung, the Palace of Illustrious Virtue) ชางด็อกกุงถูกสร้างในปีที่ 5 แห่งรัชสมัยของกษัตริย์แตจอง (Taejong) แห่งราชวงศ์โชซอนติดกับพระราชวังเคียงบกกุงราชวังหลักของราชวงศ์
หมู่ราชวังของชางด็อกกุง ซึ่งได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดีแบ่งเป็นส่วนบริหาร ส่วนที่พักอาศัยและอุทยานทางด้านหลัง (Huwon) บริเวณที่เป็นส่วนบริหารนั้น รวมเอาประตูดอนฮวนเข้าไว้ด้วย ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่ ราช วังอินชองเชิน (Injeongjeon) ใช้เป็นท้องพระโรงและซอนชองเชิง (Soenjeongjeon) โถงสำหรับบริหาร
ส่วนที่เป็นที่พักอาศัย รวมถึงฮุยชองดัง (Huijeongdang) และแทโชเชิน (Daejojeon) ห้องบรรทมของกษัตริย์และพระชายา โรงครัวหลวง ห้องพยาบาลและส่วนต่อเนื่องอื่นๆ ฮูวอนอุทยานด้านหลังอันลือชื่อ กับพลับพลาที่สง่างามอีกมากมาย ห้องเก็บหนังสือของพระราชสำนักกับห้องสมุดและสระบัวอันร่มรื่น
ชางด็อกกุง กลืนเข้ากับทัศนียภาพด้านหลังได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดเนินเขาและหมู่แมกไม้อันเขียวขจี ด้วยความที่ได้เปรียบในด้านสิ่งแวดล้อมท้องพระโรงที่โอ่อ่า
พลับพลาและอุทยานฮูวอน (Huwon) ได้มีการวางตำแหน่งให้เป็นสัดส่วนอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เป็นไข่มุกแห่งสถาปัตยกรรมของราชวังและทัวทัศน์ของอุทยาน อุทยานฮูวอนประดับประดาด้วยต้นไม้มีค่า บางต้นมีอายุถึง 300 ปี จึงทำให้เป็นตัวแทนแห่งสรวงสวรรค์ของสวนเกาหลี กษัตริย์และราชนิกุล พร้อมทั้งข้าราชสำนักต่างชื่นชอบที่จะมาพักผ่อนและหาความสำราญที่อุทยานแห่ง นี้
องค์การยูเนสโกได้ขึ้นบัญชีแหล่งประวัติศาสตร์ในเขตเกียงชู (Gyeongju) และสวนแท่นหินที่โกชาง (Gochang) ฮวาซุน (Hwasun) และกังฮวา (Ganghwa Dolmen) ในบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมของโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อคราวประชุมคณะกรรมการ มรดกโลกครั้งที่ 24 ที่เมืองแคร์นส์ (Cairns) ประเทศออสเตรเลีย เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 2 ธันวาคม ปี2000 ต่อจากวัดบุลกกุกซา (Bulguksa Temple)
ถ้ำซอกกูรัม (Soekguran Grotto) อารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine) แท่นพิมพ์ไม้ ตริปิทาก้า โคเรียน่า พระไตรปฎกของเก่าหลี (Tripitaka Koreana) ที่วัดแฮอินซา (Haeinsa Temple) และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในปี 1995
ปัจจุบัน เกาหลีมีแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก 7 แห่ง
วัดวาอารามก็เป็นจุดที่น่าสนใจอย่างอารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine) อารามหลวงจองเมียงสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอุทิศให้แก่ดวงพระวิญญาณแห่งบูรพ กษัตริย์ของราชวงศ์โชซอน ณ ที่นี้กษัตริย์ และบรรดาพระราชวงศานุวงศ์จะมาทำการสักการะแด่บรรพบุรุษตามแบบลัทธิขงจื้อ
อารามอันสง่างามแห่งนี้ซึ่งเป็นผลงานของสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่างเรียบง่าย ได้รับความเห็นชอบให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันหาค่ามิได้ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1995
เกาหลีได้เปิดการท่องเที่ยวแบบการพักอาศัยในวัดศาสนาพุทธเกาหลีนิกายจอกเย และชอนแต เสนอโอกาสให้ผู้มาเยือนจากนานาชาติได้พักและเข้าร่วมชีวิตในวัดกับพระและชี ภายใต้โปรแกรมการค้างคืนในวัดมี 14 วัดสำคัญทั่วประเทศเข้าร่วมโปรแกรม
โดยโปรแกรมลักษณะต่างๆ สำหรับชาวต่างชาติคือการนั่งสมาธิแบบเซน การกินอาหารแบบพระเรียกว่า บารูกอง-ยาง พิธีดื่มชา ศิลปะการต่อสู้ของพุทธเรียกว่าซุนมูโด
การพักอาศัยในวัดนี้มีเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับพุทธวัฒนธรรม ของเกาหลี อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว






“เอเวอร์แลนด์” ดิสนีย์แลนด์เกาหลี
“เอเวอร์แลนด์” สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ซึ่งถูกขนามนามว่าเป็น “ดิสนีย์แลนด์เกาหลี” เติมเต็มความสุขด้วยบัตร BIG 5 สามารถเลือกเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี 5 ชนิด แล้วท่องไปกับโลกซาฟารี
พบกับ “เจ้าไลเกอร์แฝด” ผสมระหว่างสิงโตเพศผู้กับเสือเพศเมีย

ที่นี่มีเทศกาลดอกไม้บาน ช่วงฤดูร้อนนี้จะเป็นดอกกุหลาบ และดอกลิลลี่บาน ให้ชมทั้งทุ่งดอกไม้หลากสีสัน เอเวอร์แลนด์ ถูกขนานนามว่าเป็น “ดิสนีย์แลนด์เกาหลี” สวนเปิดในหุบเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศ ภายใน Festival World จะประกอบไปด้วย Global Fair, American Adventure, Magic Land, European Adventure และ Equatorial Adventure
การท่องเที่ยวภายในสวนสนุกแห่งนี้ ต้องทดลองสนุกกับเครื่องเล่นนานาชนิด เช่น รถไฟเหาะ หนอนสะบัด ชาร์ป โรงหนังสามมิติ บ้านผีสิง หมุนตีลังกาสองตลบ ถ้าเป็นเทศกาลหิมะก็จะได้สนุกแบบเล่นสโนว์สเลดแบบไม่จำกัดรอบและสุดท้าทาย กับการนั่งสโนว์บัตเตอร์ (ต้องสวมใส่รองเท้าหุ้มส้นเตี้ยเท่านั้น)
หรือจะไปเที่ยวสวนสนุก “ล็อตเต้เวิลด์” สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสนุกสนานแบบทันสมัยและเพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งใน ห้างสรรพสินค้าล็อตเต้ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีก็ได้...



เกาหลีก็มี “ซากุระ”
เกาหลียังคงมีเสน่ห์ ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อากาศเริ่มอุ่นขึ้นจากที่หิมะตกหนักและอากาศที่หนาวเกินไปในช่วงปลายปีที่ ผ่านมา
ในช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศเริ่มดีขึ้นไม่หนาวจัด เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวไทย อีกทั้งราคาที่พักถูกทำให้จัดทัวร์ราคาถูกลงได้ แถมยังตรงกับช่วงปิดเทอมและมีวันหยุดติดต่อกันหลายวันในช่วงสงกรานต์อีก ประกอบกับผู้ปกครองต้องการจะ “พาลูก” ไปด้วย ทำให้เกาหลีมีจุดขายขึ้นมาทันที
เสน่ห์ของเกาหลีอยู่ตรงที่การท่องเที่ยวเกาหลีจับจุดได้ถูกต้อง อากาศในเดือนมีนาคมเป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้เริ่มบานอากาศเริ่มอุ่นกำลังดี ประมาณ 10 กว่าองศาเซลเซียส ควรเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตไปด้วย
“เมืองคิมแฮ” ในทุกๆ ปีช่วงต้นเดือน เมษายนจะมีต้นซากุระบานสะพรั่งพร้อมกันไม่แพ้ที่ญี่ปุ่น มีทางลอดอุโมงค์ต้นซากุระเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตรสวยงามมาก “คิม แฮ” อยู่ทิศตะวันตกของปูซาน ใกล้กับเมืองอุตสาหกรรม คือ มาซานและชางวัน เป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงทางตอนใต้ของเกาหลี ถนนทุกเส้นจะมีต้นซากุระบานสะพรั่งเต็มต้นทุกปี
ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนเกาหลีและนักท่องเที่ยวนิยมไปชมความงามของดอกซา กุระ โดยเฉพาะคู่รักหรือคู่ฮันนีมูนมักมาบอกรักกันที่นี่ ในช่วงต้นเดือนเมษายน เมื่อซากุระบานเต็มต้นชาวเมืองจะจัดงานรื่นเริงใกล้ๆ กับท่าเรือเป็นเวลา 12 วัน ผู้คนจะมารวมตัวกันในย่านที่ดอกไม้บานสะพรั่งเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
ดอกซากุระมีให้ชมได้ทั่วไป อย่างที่เกาะนัมมีที่คนไทยคุ้นเคยจากละครดัง “Winter Love Song” ซีรีส์โรแมนติก ระหว่างทางวิวทิวทัศน์เต็มไปด้วยดอกไม้ที่สวยสดงดงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิของ เกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกซากุระจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนเมษายนนี้

ประเทศเกาหลี (South Korea) ได้รับสมญานามว่า “ดินแดนแห่งความสงบยามเช้า” มีขนบ
ธรรมเนียมที่สืบทอดมายาวนานถึง 5,000 ปี
คนเกาหลี จะเดินเร็วมาก และอาจจะมีการกระทบกระทั่งกัน แต่จะไม่มีการ “ขอโทษ” ถือเป็นเรื่องปกต

เมืองหลวง
กรุงโซล
ประชากร ประมาณ 10.5 ล้าน
ภาษา ใช้ภาษาเกาหลีเป็นหลัก คนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศได้ การใช้บริการรถแท็กซี่ ควรเตรียมแผนที่ นามบัตร ข้อมูลโรงแรมให้พร้อม โดยเฉพาะชื่อสถานที่เป็นภาษาเกาหลี
เงินตรา สกุลวอน 1 วอน ประมาณ 0.0368 บาทไทย (สิงหาคม 2550) ควรแลกเงินเกาหลีที่สนามบินติดตัวไว้อย่างน้อย 6 แสนวอน หรือ 500 ดอลลาร์
บัตรเครดิต ใช้ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เท่านั้น จะใช้เงิน “วอน” เป็นหลัก
โทรศัพท์ รหัสทางไกล +82 มือถือในเกาหลีจะใช้ระบบที่แตกต่างกับระบบมือถือของไทย ก่อนเดินทางควรเปิดบริการโทรศัพท์ข้ามแดนหรือใช้การ์ดโฟน ถ้าต้องการโทรกลับประเทศไทย
เวลา เร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง
อากาศ มี 4 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิ อาจต่ำถึง -20 องศา ในเดือนมกราคมและ สูงถึง 35 องศา ในเดือนกรกฎาคม ส่วนเดือนธันวาคม เป็นช่วงฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็นอุณหภูมิราว -5 ถึง 15 องศา
เครื่องแต่งกาย ฤดูหนาวจะหนาวกว่าเมืองไทยมาก เตรียมครีมทาผิวเพื่อป้องกันผิวแตก ควรเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวให้ความอบอุ่น หมวก แว่นกันแดด ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้าแบบสวมสบายหรือรองเท้าผ้าใบ
วีซ่า ไปเกาหลีไม่ต้องขอวีซ่าเข้าเมือง แต่จะถูกเข้มงวดมากสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปคนเดียวหรือไปเป็นกลุ่ม
ไทยและเกาหลีใต้ทำสัญญายกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) หนังสือเดินทางทุกประเภทโดยพำนักอยู่ได้ครั้งละไม่เกิน 90 วัน



คำเตือ อาจถูกห้ามเข้าเมือง ถ้าสงสัยก็จะส่งกลับได้ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ
โปรดระวัง เอกสารการเดินทางเป็นพิเศษขณะไปท่องเที่ยวในบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน ควรพกพาเอกสารการเดินทางไว้ในที่ที่ปลอดภัยและถ่ายสำเนาแยกเก็บไว้อีก 1 ชุด
กรุงโซลมีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินค่อน ข้างดี และเชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง

ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ
ใช้ไฟฟ้า 2 ระบบ คือ 110 และ 220 โวลต์ ความถี่ 60 เฮิรตซ์ ในโรงแรมและสำนักงานส่วนใหญ่จะใช้ปลั๊กแบบ 2 ขากลม ควรเตรียมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าติดตัวไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้า

กรณีฉุก เฉิน...ติดต่อ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล
โทรศัพท์ (822) 795-3098, 795-0095
โทรสาร (822) 798-3448
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
โทรศัพท์ 981 7171
โทรสาร 575 1038










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น